โรงเรียนประทีปธรรม มูลนิธิ ตั้งอยู่เลขที่ 11/1 หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลสอนอิสลามศึกษาควบคู่สามัญ จัดการเรียนการสอนตั้งระดับปฐมวัย (เตรียมอนุบาล – อนุบาล 3) ระดับประถมศึกษา ( ป.1 – ป.6) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1- ม.3) และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ( ม. 4- ม.6) ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดกระบี่ ให้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนได้ ตั้งแต่ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เป็นโรงเรียนรางวัลพระราชทาน 5 รางวัล โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ รางวัลพระราชทาน ประจำปี 2564 จัดตั้งขึ้นโดยโต๊ะอับดุลมาลิก เริงสมุทร์ ซึ่งมีลักษณะเป็นระบบปอเนาะ มีชื่อภาษาอาหรับว่า มะฮัดมิสบาฮุด ดีน แต่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่า ปอเนาะบ้านแหลมสัก เปิดสอนวิชาศาสนาอิสลาม และวิถีชีวิตมุสลิม ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520 - 2546 ซึ่งการสอนส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ของอัลอิสลามทั้งหมด ดังนั้นเมื่อรัฐบาลได้ประกาศปฏิรูปการศึกษาขึ้นในปีพ.ศ. 2546 ขณะนั้น พณ ฯ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนประทีปธรรม มูลนิธิ หน้าที่ ๕ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศเปิดโอกาสให้สถานศึกษาที่สอนศาสนาเป็นโรงเรียน อย่างเป็นระบบและถูกต้องตามกฎหมายและรับบาลจะสนับสนุนด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและอุดมการณ์ แน่วแน่และเชื่อมั่นว่า รากฐานของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ศึกษา ค้นคว้าตลอดเวลา สามารถทำให้ชาติ บ้านเมืองพัฒนาอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ ถ้าหากเยาวชนของชาติได้รับการศึกษาที่มีศาสนาเป็นแกน หลักควบคู่กับสายสามัญจึงเป็นแรงผลักดันให้โต๊ะครูอับดุลมาลิก เริงสมุทร์และบุคคลต่าง ๆ ที่เห็นความสำคัญ ของการศึกษาคือการสร้างชาติอาทิคณะกรรมการมัสยิด คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ทรงคุณวุฒิผู้นำองค์กร ปกครองส่วนตำบล พร้อมใจกันว่า ต้องสร้างโรงเรียนสายสามัญและศาสนาขึ้น โดยมีการประชุมหารือกัน เป็นระยะๆ ปีพ.ศ. 2552 ปลายปีคณะบุคคลดังกล่าวประชุมปรึกษาหารือ วางแผน ทำโครงการ จัดงานเพื่อหา ทุนเป็นงบประมาณขึ้นในเดือนธันวาคม สมทบกับทุนทรัพย์และที่ดินของโต๊ะครูอับดุลมาลิก เริงสมุทร์ เพื่อสร้างเป็นโรงเรียนขึ้น โดยให้มีมูลนิธิประทีปธรรมเพื่อการศึกษาเป็นองค์กรที่เป็นเจ้าของโรงเรียน ทำหน้าที่ ในการบริหารจัดการโรงเรียน โดยพื้นที่บริเวณโรงเรียนมีเนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา โดยในพื้นที่ดังกล่าว ทางเทศบาลตำบลแหลมสักได้ทำการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์คอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น จำนวน 1 หลัง จำนวน 4 ห้องเรียน มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543 เพื่อใช้ในการสอนเรียนวิชาความรู้ด้านศาสนาอิสลามซึ่งต่อมาได้ อนุญาตให้โรงเรียนได้ใช้เป็นอาคารเรียน และปอเนาะเดิม มีอาคารเรียนคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว 3 หลัง จำนวน 10 ห้องเรียน ใช้เป็นอาคารเรียน ห้องสมุด ห้องประชุม ห้องพยาบาล และห้องพักครู ปีพ.ศ. 2553 ได้ขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ ตามมาตรา 15 ( 1 ) ต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน จังหวัดกระบี่ ในปีแรกได้รับใบอนุญาต ให้จัดตั้งโรงเรียน และเปิดทำการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอนุบาล 1-3 ประถมศึกษาปีที่1 –6 และมัธยมศึกษาตอนต้น ปีที่1-3 โดยมีนายวิทยา เริงสมุทร์เป็นผู้รับใบอนุญาต นายปรีชา เริงสมุทร์เป็นผู้จัดการ และนายชาญพัฒน์ ชนะกุล เป็นผู้อำนวยการ โดยในปีแรก มีนักเรียน ที่เข้าเรียนในโรงเรียนประทีปธรรมมูลนิธิในระดับชั้น ปฐมวัย จำนวน 42 คน ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 24 คน และระดับมัธยมศึกษาปีที่1 จำนวน 71 คน รวมจำนวนนักเรียนในปีแรก 137 คน มีบุคลากร เป็นครู 10 คน และพนักงาน 3 คน ดำเนินการสอนในปีแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ในปีแรก ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนเรียน และอาคารประกอบเพิ่มเติม โดยโต๊ะครูดำรงค์ เริงสมุทร์ ได้มอบเงิน ส่วนตัวและระดมทุนเพิ่มเติม ให้แก่มูลนิธิประทีปธรรมเพื่อการศึกษา เพื่อนำรายได้มาเป็นงบประมาณ สร้างอาคารเรียน จำนวน 8 ห้องเรียน 1 หลัง อาคารโรงอาหาร 1 หลัง อาคารห้องน้ำ 1 หลัง รวมทั้งพัฒนาอาคารเรียนเดิม โดยค่าก่อสร้างโดยประมาณครั้งแรก 5,000,000 บาท นอกจากนี้ได้ทำเรื่อง ขออนุญาตใช้อาคารเอนกประสงค์2 ชั้น 4 ห้องเรียน ของเทศบาลตำบลแหลมสัก มาใช้เพื่อการเรียนการสอน ปีพ.ศ. 2555 มูลนิธิปัตตานีเพื่อพัฒนาสังคม ได้ประสานงานการองค์กรจันทร์เสี้ยวแดงแห่งประเทศ สหรัฐอาหรับเออมิเรตส์ในการก่อสร้างอาคารละหมาดให้โรงเรียนประทีปธรรมมูลนิธิงบประมาณ 300,000 บาท โดยมูลนิธิประทีปธรรมเพื่อการศึกษาได้สมทบทุนเพิ่มอีก 100,000 บาท โดยมีชื่ออาคารว่า มัสยิดอัลนูร ปีพ.ศ. 2554 เนื่องจากทางโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น คณะกรรมการบริหารโรงเรียนจึงได้มีมติ ให้ทำเรื่องขอขยายความจุของนักเรียนจากเดิม เป็นความจุนักเรียนทั้งโรงเรียน จำนวน 500 คน ปีพ.ศ. 2557 ทางคณะกรรมการบริหารโรงเรียนได้มีมติร่วมกันในการขยายหลักสูตร การจัดการเรียน การสอนเพิ่มเติมในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยขอมติคณะกรรมการสถานศึกษาในการใช้หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในโรงเรียน ปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไป โดยคณะกรรมการสถานศึกษามีมติเห็นชอบให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนประทีปธรรม มูลนิธิ หน้าที่ ๖ และหลักสูตรอิสลามศึกษา พุทธศักราช 2546 หลักสูตรโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามควบคู่สามัญ เป็นหลักสูตรแกนกลางของโรงเรียน ปีพ.ศ. 2558 ทางคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมีความเห็นร่วมกันว่า โรงเรียนต้องขยายพื้นที่ โรงเรียนเพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยได้ทำการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมติดกับ ทิศเหนือของโรงเรียนจากนายอับดุลเลาะห์ เริงสมุทร จำนวน 11 ไร่จำนวน 2,000,000 บาท โดยใช้ชื่อ นางมี่หย้า เริงสมุทร์กรรมการ มูลนิธิประทีปธรรมเพื่อการศึกษาไปก่อน จนกว่าโรงเรียนจะมีความพร้อม ในการโอนที่ดินเป็นของโรงเรียน ปีพ.ศ. 2560 ชมรมศิษย์เก่าปอเนาะแหลมสัก ร่วมกับมูลนิธิประทีปธรรมเพื่อการศึกษา จัดงานระดม ทุนเพื่อก่ออสร้างอาคารศิษย์เก่า คอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 2 ชั้น จำนวน 10 ห้องเรียนพร้อมห้องน้ำภายใน ได้งบประมาณ 200,000 บาท ทางคณะกรรมการบริหารโรงเรียนและมูลนิธิทำเรื่องกู้ยืมงบประมาณ จากธนาคารอิสลามเพิ่มเติมอีก 5,000,000 บาท สามารถใช้งานได้ในปีการศึกษา 2561 ปีพ.ศ. 2561 มูลนิธิเมตตา ศรัทธา ความรู้ได้ประสานงานกับมูลนิธิมะฟาติฮุลคัยร์ประเทศบะห์เรน เพื่อก่อสร้างอาคารละหมาดเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นอาคารละหมาด เป็น อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น งบประมาณ 3,200,000 บาท โดยมีชื่ออาคารตามที่ผู้บริจาคได้ตั้งเจตนาไว้ ให้เป็นชื่อของมารดาของผู้บริจาคจากประเทศบะห์เรน คือ ท่านหญิง ซีฮาม บินติอับดุลลอฮ อัลคอญะฮ เพื่อวากัฟญารียะห์ให้กับมารดาของท่านผู้ล่วงลับ ท่านหญิงอาอีชะฮ อะหมัด อัลกอซิร โดยตั้งชื่ออาคารว่า มัสยิดอาอีชะฮ ปีพ.ศ. 2563 โรงเรียนประทีปธรรมธรรมมูลนิธิดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 10 ปีโดยเป็นโรงเรียน ที่มีมูลนิธิประทีปธรรมเพื่อการศึกษาเป็นผู้รับอนุญาต โดยสิบเอกวิทยา เริงสมุทร์ เป็นผู้อำนวยการ และนายชารีฟ เริงสมุทร์ เป็นผู้จัดการ ปี พ.ศ. 2564 โรงเรียนได้รับรางวัลพระราชทานโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปีพุทธศักราช 2564 โดยได้รางวัลดีเด่นจำนวน 2 รางวัลคือ รางวัลประเภทโรงเรียนขนาดเล็ก และรางวัลประเภทนักเรียนระดับมัธยมต้นโรงเรียนขนาดเล็ก และรางวัลชมเชยจำนวน 3 รางวัลคือ รางวัล ประเภทผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก ,รางวัลรางวัลประเภทครูสอนวิชาสามัญโรงเรียนขนาดเล็ก, รางวัล ประเภทนักเรียนระดับมัธยมปลายโรงเรียนขนาดเล็ก และในปีนี้ได้สร้างสนามฟุตบอลหญ้าจริงขนาด ผู้เล่น 11 คน เพื่อเป็นอีกแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอน